Tuesday, December 20, 2016

ประวัติกีฬาปิงปอง


ประวัติกีฬาปิงปอง

เท่าที่มีหลักฐานบันทึกพอให้ค้นคว้า  ทำให้เราได้ทราบว่ากีฬาเทเบิลเทนนิสได้เริ่มขึ้นที่ประเทศอังกฤษ  ในปี ค.ศ.  1890  ในครั้งนั้น  อุปกรณ์ที่ใช้เล่นประกอบด้วย  ไม้  หนังสัตว์  ลักษณะคล้ายกับไม้เทนนิสในปัจจุบันนี้   หากแต่ว่าแทนที่จะขึงด้วยเส้นเอ็นก็ใช้แผ่นหนังสัตว์หุ้มไว้แทน  ลูกที่ใช้ตีเป็นลูกเซลลูลอยด์  เวลาตีกระทบถูกพื้นโต๊ะและไม้ก็เกิดเสียง “ปิก-ป๊อก”  ดังนั้น  กีฬานี้จึงถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งตามเสียงทีได้ยินว่า  “ปิงปอง” (PINGPONG)  ต่อมาก็ได้มีการวิวัฒนาการขึ้นโดยไม้หนังสัตว์ได้ถูกเปลี่ยนเป็นแผ่นไม้แทน  ซึ่งได้เล่นแพร่หลายในกลุ่มประเทศยุโรปก่อน 
วิธีการเล่นในสมัยยุโรปตอนต้นนี้เป็นการเล่นแบบยัน (BLOCKING)  และแบบดันกด  (PUSHING)  ซึ่งต่อมาได้พัฒนามาเป็นการเล่นแบบ  BLOCKING และ CROP  การเล่นถูกตัด  ซึ่งวิธีนี้เองเป็นวิธีการเล่นที่ส่วนใหญ่นิยมกันมากในยุโรป  และแพร่หลายมากในประเทศต่าง ๆ  ทั่วยุโรป  การจับไม้ก็มีการจับไม้อยู่  2  ลักษณะ  คือ  จับไม้แบบจับมือ  (SHAKEHAND)  ซึ่งเราเรียกกันว่า  “จับแบบยุโรป”  และการจับไม้แบบจับปากกา (PEN-HOLDER)  ซึ่งเราเรียกกันว่า “จับไม้แบบจีน”  นั่นเอง
  ในปี ค.ศ. 1900  เริ่มปรากฏว่า  มีไม้ปิงปองที่ติดยางเม็ดเข้ามาใช้เล่นกัน  ดังนั้นวิธีการเล่นแบบรุกหรือแบบบุกโจมตี (ATTRACK หรือ OFFENSIVE)  เริ่มมีบทบาทมากยิ่งขึ้น  และยุคนี้จึงเป็นยุคของนายวิตเตอร์  บาร์น่า (VICTOR BARNA)  อย่างแท้จริง  เป็นชาวฮังการีได้ตำแหน่งแชมเปี้ยนโลกประเภททีม  รวม 7 ครั้ง  และประเภทชายเดี่ยว  5 ครั้ง  ในปี ค.ศ. 1929-1935  ยกเว้นปี  1931  ที่ได้ตำแหน่งรองเท่านั้น  ในยุคนี้อุปกรณ์การเล่น โดยเฉพาะไม้มีลักษณะคล้าย ๆ กับไม้ในปัจจุบันนี้ วิธีการเล่นก็เช่นเดียวกัน คือมีทั้งการรุก (ATTRACK)  และการรับ (DEFENDIVE)  ทั้งด้าน  FOREHAND  และ  BACKHAND  การ จับไม้ก็คงการจับแบบ  SHAKEHAND  เป็นหลัก  ดังนั้นเมื่อส่วนใหญ่จับไม้แบบยุโรป  แนวโน้มการจับไม้แบบ PENHOLDER  ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปมีน้อยมากในยุโป  ในระยะนั้นถือว่ายุโรปเป็นศูนย์รวมของกีฬาปิงปองอย่างแท้จริง

ในปี ค.ศ. 1922  ได้มีบริษัทค้าเครื่องกีฬา  ไปจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าว่า “PINGPONG” ด้วยเหตุนี้กีฬานี้จึงเป็นชื่อมาเป็น  “TABLE TENNIS”  ไม่สามารถใช้ชื่อที่เขาจดทะเบียนได้ประการหนึ่ง  และเพื่อไม่ใช่เป็นการโฆษณาสินค้าอีกประการหนึ่ง  และแล้วในปี ค.ศ. 1926  จึงได้มีการประชุมก่อตั้งสหพันธ์เทเบิลเทนนิสนานาชาติ (INTERNATIONAL TABLETENNIS FEDERATION : ITTF) ขึ้นที่กรุงลอนดอนในเดือนธันวาคม  ค.ศ. 1926  ภายหลังจากการได้มีการปรึกษาหารือในขั้นต้นโดย  DR. GEORG LEHMANN  แห่งประเทศเยอรมัน  กรุงเบอร์ลิน  เดือนมกราคม  ค.ศ. 1926  ในปีนี้เองการแข่งขันเทเบิลเทนนิสแห่งโลกครั้งที่ 1  ก็ได้เริ่มขึ้น  พร้อมกับการก่อตั้งสหพันธ์ฯ  โดยมีนายอีวอร์  มองตากู  เป็นประธานคนแรก  ในช่วงปี ค.ศ. 1940  นี้  ยังมีการเล่นและจับไม้พอจำแนกออกเป็น  3  ลักษณะดังนี้
      1.  การจับไม้  เป็นการจับแบบจับมือ 
      2.  ไม้ต้องติดยางเม็ด 
      3.  วิธีการเล่นเป็นวิธีพื้นฐาน  คือ  การรับเป็นส่วนใหญ่  ยุคนี้ยังจัดได้ว่าเป็น  “ยุคของยุโรป” อีกเช่นเคย

      ในปี ค.ศ. 1950  จึงเริ่มเป็นยุคของญี่ปุ่นซึ่งแท้จริงมีลักษณะพิเศษประจำดังนี้คือ 
      1.  การตบลูกแม่นยำและหนักหน่วง 
      2.  การใช้จังหวะเต้นของปลายเท้า 
ในปี ค.ศ. 1952  ญี่ปุ่นได้เข้าร่วมการแข่งขันเทเบิลเทนนิสโลกเป็นครั้งแรก  ที่กรุงบอมเบย์  ประเทศอินเดีย  และต่อมาปี ค.ศ. 1953  สาธารณรัฐประชาชนจีน  จึงได้เข้าร่วมการแข่งขันเป็นครั้งแรกที่กรุงบูคาเรสต์  ประเทศรูมาเนีย  จึงนับได้ว่ากีฬาปิงปองเป็นกีฬาระดับโลกที่แท้จริงปีนี้นั่นเอง 

      ในยุคนี้ญี่ปุ่นใช้การจับไม้แบบจับปากกา  ใช้วิธีการเล่นแบบรุกโจมตีอย่างหนักหน่วงและรุนแรง  โดยอาศัยอุปกรณ์เข้าช่วย  เป็นยางเม็ดสอดไส้ด้วยฟองน้ำเพิ่มเติมจากยางชนิดเม็ดเดิมที่ใช้กันทั่วโลก 
การเล่นรุกของยุโรปใช้ความแม่นยำและช่วงตีวงสวิงสั้น ๆ เท่านั้น  ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้บ่า  ข้อศอก  และข้อมือเท่านั้น  ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับญี่ปุ่นซึ่งใช้ปลายเท้าเป็นศูนย์กลางของการตีลูกแบบรุกเป็นการเล่นแบบ “รุกอย่างต่อเนื่อง”  ซึ่งวิธีนี้สามารถเอาชนะวิธีการเล่นของยุโรปได้  การเล่นโจมตีแบบนี้เป็นที่เกรงกลัวของชาวยุโรปมาก  เปรียบเสมือนการโจมตีแบบ “KAMIKAZE” (การบินโจมตีของฝูงบินหน่วยกล้าตายของญี่ปุ่น)  ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญในญี่ปุ่นกันว่า  การเล่นแบบนี้เป็นการเล่นที่เสี่ยงและกล้าเกินไปจนดูแล้วรู้สึกว่าขาดความรอบคอบอยู่มาก  แต่ญี่ปุ่นก็เล่นวิธีนี้ได้ดี  โดยอาศัยความสุขุมและ Foot work  ที่คล่องแคล่วจนสามารถครองตำแหน่งชนะเลิศถึง  7  ครั้ง  โดยมี  5  ครั้งติดต่อกัน  ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1953-1959

      สำหรับในยุโรปนั้นยังจับไม้แบบ SHAKEHAND และรับอยู่ จึงกล่าวได้ว่าในช่วงแรก ๆ ของปี ค.ศ. 1960 ยังคงเป็นจุดมืดของนักกีฬายุโรปอยู่นั่นเอง
ในปี ค.ศ. 1960  เริ่มเป็นยุคของจีน  ซึ่งสามารถเอาชนะญี่ปุ่นได้โดยวิธีการเล่นที่โจมตีแบบรวดเร็ว  ผสมผสานกับการป้องกัน  ในปี  1961  ได้จัดการแข่งขันเทเบิลเทนนิสชิงชนะเลิศ  ครั้งที่  26  ที่กรุงปักกิ่ง  ประเทศจีน  จีนเอาชนะญี่ปุ่น ทั้งนี้เพราะญี่ปุ่นยังใช้นักกีฬาที่อายุมาก  ส่วนจีนได้ใช้นักกีฬาที่หนุ่มสามารถเล่นได้อย่างรวดเร็วปานสายฟ้าทั้งรุกและรับ การจับไม้ก็เป็นการจับแบบปากกา  โดยจีนชนะทั้งประเภทเดี่ยวและทีม  3  ครั้งติดต่อกัน  ทั้งนี้เพราะจีนได้ทุ่มเทกับการศึกษาการเล่นของญี่ปุ่นทั้งภาพยนตร์ที่ได้บันทึกไว้และเอกสารต่าง ๆ  โดยประยุกต์การเล่นของญี่ปุ่น  เข้ากับการเล่นแบบสั้น ๆ แบบที่จีนถนัดกลายเป็นวิธีการเล่นที่กลมกลืนของจีนดังที่เราเห็นในปัจจุบัน 
  ยุโรปเริ่มฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง  โดยนำวิธีการเล่นของชาวอินเดียมาปรับปรุง  นำโดยนักกีฬาชาวสวีเดนและประเทศอื่น ๆ  ซึ่งมีหัวก้าวหน้าไม่มัวแต่แต่คิดจะรักษาหน้าของตัวเองว่าไม่เรียนแบบของชาติอื่นๆ ดังนั้นชายยุโรปจึงเริ่มชนะชายคู่  ในปี  1967  และ  1969  ซึ่งเป็นนักกีฬาจากสวีเดน  ในช่วงนั้นการเล่นแบบรุกยังไม่เป็นที่แพร่หลายทั้งนี้เพราะวิธีการเล่นแบบรับได้ฝังรากในยุโรป  จนมีการพูดกันว่านักกีฬายุโรปจะเรียนแบบการเล่นลูกยาวแบบญี่ปุ่นนั้นคงจะไม่มีทางสำเร็จแต่การที่นักกีฬาของสวีเดนได้เปลี่ยนวิธีการเล่นแบบญี่ปุ่นได้มีผลสะท้อนต่อการเปลี่ยนแปลงของเยาวชนรุ่นหลังของยุโรปเป็นอย่างมาก  และแล้วในปี  1970  จึงเป็นปีของการประจันหน้าระหว่างผู้เล่นชาวยุโรปและผู้เล่นชาวเอเชีย 
ช่วงระยะเวลาได้ผ่านไปประมาณ  10  ปี  ตั้งแต่  1960-1970   นักกีฬาของญี่ปุ่นได้แก่ตัวลงในขณะที่นักกีฬารุ่นใหม่ของยุโรปได้เริ่มฉายแสงเก่งขึ้น  และสามารถคว้าตำแหน่งชนะเลิศชายเดี่ยวของโลกไปครองได้สำเร็จในการแข่งขันเทเบิลเทนนิสเพื่อความชนะเลิศแห่งโลก  ครั้งที่  31  ณ กรุงนาโกน่า  ในปี  1971  โดยนักเทเบิลเทนนิส  ชาวสวีเดน  ชื่อ  สเตลัง  เบนค์สัน  เป็นผู้เปิดศักราชให้กับชาวยุโรป  ภายหลังจากที่นักกีฬาชาวยุโรปได้ตกอับไปถึง  18  ปี  ในปี 1973  ทีมสวีเดนก็ได้คว้าแชมป์โลกได้จึงทำให้ชาวยุโรปมีความมั่นใจในวิธีการเล่นที่ตนได้ลอกเลียนแบบและปรังปรุงมา  ดังนั้นนักกีฬาของยุโรปและนักกีฬาของเอเชียจึงเป็นคู่แข่งที่สำคัญในขณะที่นักกีฬาในกลุ่มชาติอาหรับและลาตินอเมริกา  ก็เริ่มแรงขึ้นก้าวหน้ารวดเร็วขึ้น  เริ่มมีการให้ความร่วมมือช่วยเหลือทางด้านเทคนิคซึ่งกันและกัน การเล่นแบบตั้งรับซึ่งหมดยุคไปแล้วตั้งแต่ปี  1960  เริ่มจะมีบทบาทมากยิ่งขึ้นมาอีก  โดยการใช้ความชำนาญในการเปลี่ยนหน้าไม้ในขณะเล่นลูก  หน้าไม้ซึ่งติดด้วยยางปิงปอง  ซึ่งมีความยาวของเม็ดยางยาวกว่าปกติ  การใช้ยาง  ANTI – SPIN เพื่อพยายามเปลี่ยนวิถีการหมุนและทิศทางของลูกเข้าช่วย ซึ่งอุปกรณ์ที่ใช้นี้มีส่วนช่วยอย่างมาก ในขณะนี้กีฬาเทเบิลเทนนิสนับว่าเป็นกีฬาที่แพร่หลายไปทั่วโลก มีวิธีการเล่นใหม่ ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา ซึ่งผู้เล่นเยาวชนต่าง ๆ เหล่านี้จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนากีฬาเทเบิลเทนนิสต่อไปในอนาคตได้อย่างไม่มีที่วันสิ้นสุด และขณะนี้กีฬานี้ก็ได้เป็นกีฬาประเภทหนึ่งในกีฬาโอลิมปิก โดยเริ่มมีการแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกในปี 1988 ที่กรุงโซล ประเทศสาธารณรัฐเกาหลีเป็นครั้งแรก

 

      

Monday, December 5, 2016

ที่ท่องเที่ยวเกาะพีพี

เกาะพีพี

สินค้า
กระบี่...เมืองชายทะเลในฝัน งดงามด้วยหาดทรายสีขาว น้ำทะเลใส ๆ ปะการังแสนสวย ถ้ำโตรกชะโงกผา และหมู่เกาะน้อยใหญ่กว่า 100 เกาะ รวมกันเป็นมนต์เสน่ห์ที่สร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยว ที่มาเยือนจังหวัดกระบี่ ทว่ามาเยือนกระบี่ทั้งที หากใครไม่ได้ไปเที่ยว "หมู่เกาะพีพี" ก็เหมือนมาไม่ถึงกระบี่
  "หมู่เกาะพีพี" เป็นหมู่เกาะกลางทะเล อยู่ห่างจากอำเภอเมือง 42 กิโลเมตร เดิมชาวทะเลเรียกหมู่เกาะนี้ว่า "ปูเลาปิอาปิ" คำว่า "ปูเลา" แปลว่า เกาะ คำว่า "ปิอาปิ" แปลว่า ต้นไม้ทะเลชนิดหนึ่งจำพวกแสม และโกงกาง ต่อมาเรียกว่า "ต้นปีปี" ซึ่งภายหลังกลายเสียงเป็น "พีพี" ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นอาณาจักรแห่งบุปผาใต้สมุทร นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวหมู่เกาะนี้ ส่วนใหญ่มาเพื่อดำน้ำดูปะการัง ดอกไม้ทะเล และปลาหลากสีที่มีสีสันสวยงาม นอกจากนี้ ยังมีเกาะต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างเส้นทางเดินเรือ กระบี่
เริ่มกันที่ "เกาะพีพีดอน" มีพื้นที่ประมาณ 28 ตารางกิโลเมตร จุดเด่นของเกาะคือ เวิ้งอ่าวคู่ที่มีความสวยงามติดอันดับโลกของ อ่าวต้นไทร และ อ่าวโละดาลัม ทั้งนี้ อ่าวต้นไทรเป็นที่ตั้งของท่าเรือเกาะพีพี และมีสถานที่พักและร้านค้าจำนวนมาก จากอ่าวต้นไทรสามารถเดินขึ้นเขาไปยังจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเวิ้งอ่าวคู่ ได้ อย่างไรก็ตาม เกาะพีพีดอน ยังมีหาดทรายและอ่าวที่สวยงามกระจายอยู่รอบเกาะ บางแห่งมีที่พักบริการ เช่น หาดแหลมหิน หาดยาว อ่าวโละบาเกา 

 ทางเหนือของเกาะคือ แหลมตง เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวเลประมาณ 15 - 20 ครอบครัว ส่วนใหญ่อพยพมาจากเกาะลิเป๊ะ ในอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ที่จังหวัดสตูล บริเวณแหลมตงมีธรรมชาติใต้ทะเลที่สวยงาม และบนหาดยังมีที่พักไว้ให้บริการ แก่นักท่องเที่ยวอีกด้วย
"เกาะพีพีเล" มีพื้นที่เพียง 6.6 ตารางกิโลเมตร เป็นเกาะที่เต็มไปด้วยภูเขาหินปูน มีหน้าผาสูงชันตั้งฉากกับผิวทะเลโดยรอบเกือบทั้งเกาะ มีพื้นน้ำลึกเฉลี่ยประมาณ 20 เมตร มีบริเวณน้ำลึกที่สุดประมาณ 34 เมตรอยู่ทางตอนใต้ของเกาะ เกาะแห่งนี้มีเวิ้งอ่าวสวยงาม อาทิ อ่าวปิเละ อ่าวมาหยา อ่าวโละซามะ 

  นอกจากนี้ ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือยังมี "ถ้ำไวกิ้ง" เมื่อปี พ.ศ. 2515 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จประพาสถ้ำแห่งนี้ และทรงพระราชทานนามใหม่ว่า "ถ้ำพญานาค"ตามรูปร่างหินก้อนหนึ่งที่คล้ายเศียรพญานาค อันเป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านที่มาเก็บรังนกนางแอ่นบนเกาะแห่งนี้ ภายในถ้ำทางทิศตะวันออกและทิศใต้ พบภาพเขียนสีสมัยประวัติศาสตร์ เป็นรูปช้างและรูปเรือชนิดต่าง ๆ เช่น เรือใบยุโรป เรือใบอาหรับ เรือสำเภา เรือกำปั่น เรือใบใช้กังหัน และเรือกลไฟ เป็นต้น สันนิษฐานว่าภาพเขียนเหล่านี้เป็นฝีมือของนักเดินเรือหรือพวกโจรสลัด เพราะจากการศึกษาเส้นทางเดินเรือจากฝั่งตะวันตกไปยังฝั่งตะวันออก บริเวณนี้อาจเป็นจุดที่เรือสามารถแวะพักหลบลมมรสุมขนถ่ายสินค้าหรือซ่อมแซม เรือได้

  "เกาะยูง" ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะพีพีดอน มีชายหาดเป็นหาดหินอยู่ทางด้านทิศตะวันออก และมีหาดทรายเล็กน้อยตามหลืบเขา นอกจากนี้ ยังมีแนวปะการังสวยงามชนิดต่าง ๆ และ "เกาะไม้ไผ่" ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะพีพีดอน ไม่ไกลจากเกาะยูงเท่าใดนัก ด้านทิศเหนือและทิศตะวันออกมีหาดทรายสวยงาม และแนวปะการัง ซึ่งส่วนมากเป็นแนวปะการังเขากวางทอดยาวไปถึงทางทิศใต้ของเกาะ นอกจากนี้ บนเกาะยังมีสถานที่กางเต็นท์ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย


เกาะพีพี

เกาะพีพี

เกาะพีพี

เกาะพีพี

เกาะพีพี

เกาะพีพี

เกาะพีพี

เกาะพีพี

เกาะพีพี

เกาะพีพี

เกาะพีพี

เกาะพีพี

เกาะพีพี

เกาะพีพี

เกาะพีพี

          กระบี่...เมืองชายทะเลในฝัน งดงามด้วยหาดทรายสีขาว น้ำทะเลใส ๆ ปะการังแสนสวย ถ้ำโตรกชะโงกผา และหมู่เกาะน้อยใหญ่กว่า 100 เกาะ รวมกันเป็นมนต์เสน่ห์ที่สร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยว ที่มาเยือนจังหวัดกระบี่ ทว่ามาเยือนกระบี่ทั้งที หากใครไม่ได้ไปเที่ยว "หมู่เกาะพีพี" ก็เหมือนมาไม่ถึงกระบี่นะคะ

       
          "หมู่เกาะพีพี" เป็นหมู่เกาะกลางทะเล อยู่ห่างจากอำเภอเมือง 42 กิโลเมตร เดิมชาวทะเลเรียกหมู่เกาะนี้ว่า "ปูเลาปิอาปิ" คำว่า "ปูเลา" แปลว่า เกาะ คำว่า "ปิอาปิ" แปลว่า ต้นไม้ทะเลชนิดหนึ่งจำพวกแสม และโกงกาง ต่อมาเรียกว่า "ต้นปีปี" ซึ่งภายหลังกลายเสียงเป็น "พีพี" ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นอาณาจักรแห่งบุปผาใต้สมุทร นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวหมู่เกาะนี้ ส่วนใหญ่มาเพื่อดำน้ำดูปะการัง ดอกไม้ทะเล และปลาหลากสีที่มีสีสันสวยงาม นอกจากนี้ ยังมีเกาะต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างเส้นทางเดินเรือ กระบี่

เกาะพีพี

เกาะพีพี

เกาะพีพี

เกาะพีพี

          เริ่มกันที่ "เกาะพีพีดอน" มีพื้นที่ประมาณ 28 ตารางกิโลเมตร จุดเด่นของเกาะคือ เวิ้งอ่าวคู่ที่มีความสวยงามติดอันดับโลกของ อ่าวต้นไทร และ อ่าวโละดาลัม ทั้งนี้ อ่าวต้นไทรเป็นที่ตั้งของท่าเรือเกาะพีพี และมีสถานที่พักและร้านค้าจำนวนมาก จากอ่าวต้นไทรสามารถเดินขึ้นเขาไปยังจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเวิ้งอ่าวคู่ ได้ อย่างไรก็ตาม เกาะพีพีดอน ยังมีหาดทรายและอ่าวที่สวยงามกระจายอยู่รอบเกาะ บางแห่งมีที่พักบริการ เช่น หาดแหลมหิน หาดยาว อ่าวโละบาเกา

เกาะพีพี

เกาะพีพี

          ทางเหนือของเกาะคือ แหลมตง เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวเลประมาณ 15 - 20 ครอบครัว ส่วนใหญ่อพยพมาจากเกาะลิเป๊ะ ในอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ที่จังหวัดสตูล บริเวณแหลมตงมีธรรมชาติใต้ทะเลที่สวยงาม และบนหาดยังมีที่พักไว้ให้บริการ แก่นักท่องเที่ยวอีกด้วย

เกาะพีพี

เกาะพีพี

เกาะพีพี

เกาะพีพี
เกาะพีพี

เกาะพีพี

          "เกาะพีพีเล" มีพื้นที่เพียง 6.6 ตารางกิโลเมตร เป็นเกาะที่เต็มไปด้วยภูเขาหินปูน มีหน้าผาสูงชันตั้งฉากกับผิวทะเลโดยรอบเกือบทั้งเกาะ มีพื้นน้ำลึกเฉลี่ยประมาณ 20 เมตร มีบริเวณน้ำลึกที่สุดประมาณ 34 เมตรอยู่ทางตอนใต้ของเกาะ เกาะแห่งนี้มีเวิ้งอ่าวสวยงาม อาทิ อ่าวปิเละ อ่าวมาหยา อ่าวโละซามะ

เกาะพีพี

เกาะพีพีเกาะพีพี

เกาะพีพี

          นอกจากนี้ ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือยังมี "ถ้ำไวกิ้ง" เมื่อปี พ.ศ. 2515 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จประพาสถ้ำแห่งนี้ และทรงพระราชทานนามใหม่ว่า "ถ้ำพญานาค"ตามรูปร่างหินก้อนหนึ่งที่คล้ายเศียรพญานาค อันเป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านที่มาเก็บรังนกนางแอ่นบนเกาะแห่งนี้ ภายในถ้ำทางทิศตะวันออกและทิศใต้ พบภาพเขียนสีสมัยประวัติศาสตร์ เป็นรูปช้างและรูปเรือชนิดต่าง ๆ เช่น เรือใบยุโรป เรือใบอาหรับ เรือสำเภา เรือกำปั่น เรือใบใช้กังหัน และเรือกลไฟ เป็นต้น สันนิษฐานว่าภาพเขียนเหล่านี้เป็นฝีมือของนักเดินเรือหรือพวกโจรสลัด เพราะจากการศึกษาเส้นทางเดินเรือจากฝั่งตะวันตกไปยังฝั่งตะวันออก บริเวณนี้อาจเป็นจุดที่เรือสามารถแวะพักหลบลมมรสุมขนถ่ายสินค้าหรือซ่อมแซม เรือได้

เกาะพีพี
เกาะพีพี

          "เกาะยูง" ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะพีพีดอน มีชายหาดเป็นหาดหินอยู่ทางด้านทิศตะวันออก และมีหาดทรายเล็กน้อยตามหลืบเขา นอกจากนี้ ยังมีแนวปะการังสวยงามชนิดต่าง ๆ และ "เกาะไม้ไผ่" ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะพีพีดอน ไม่ไกลจากเกาะยูงเท่าใดนัก ด้านทิศเหนือและทิศตะวันออกมีหาดทรายสวยงาม และแนวปะการัง ซึ่งส่วนมากเป็นแนวปะการังเขากวางทอดยาวไปถึงทางทิศใต้ของเกาะ นอกจากนี้ บนเกาะยังมีสถานที่กางเต็นท์ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย

เกาะพีพี

เกาะพีพี
การเดินทางไปหมู่เกาะพีพี 

          นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยัง หมู่เกาะพีพี ได้ทั้งจากกระบี่และภูเก็ต จากท่าเรือจิหลาด ในตัวเมืองกระบี่ มีเรือโดยสารออกจากกระบี่ไปเกาะพีพี วันละ 2 เที่ยว เวลา 10.00 น. และ 15.00 น. และจากเกาะพีพีกลับกระบี่ เรือออกเวลา 09.00 น. และ 14.00 น. ค่าโดยสารคนละ 350 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณสองชั่วโมงครึ่ง และมีเรือเร็วนำเที่ยวเช้าไปเย็นกลับ ออกจากอ่าวนาง เวลา 09.00 น. และกลับเวลา 17.00 น.

          ส่วนการเดินทางจากภูเก็ตมีเรือนำเที่ยวเกาะพีพี แบบเช้าไปเย็นกลับ นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อได้ที่บริษัททัวร์ทั่วไปในตัวเมืองภูเก็ต นอกจากนี้ บริเวณอ่าวต้นไทรบนเกาะพีพีดอน ยังมีเรือหางยาวให้เช่าไปเที่ยวตามชายหาดต่าง ๆ รวมถึงเกาะพีพีเลด้วย 

          ทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานจังหวัดกระบี่ โทรศัพท์ 0 - 7562 - 2163, สำนักงานจังหวัดกระบี่ โทรศัพท์ 0 - 7561 - 1381 และประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่ โทรศัพท์ 0 - 7561 - 2611


Monday, November 28, 2016

เสื้อผ้าแฟชั่นเด็ก

เสิ้อผ้าแฟชั่นเด็ก
เสื้อผ้าเด็กผู้หญิง ชุดเซ็ทสาวน้อย


เสื้อผ้าเด็ก มาใหม่ ล่าสุด!!

เสื้อผ้าเด็ก มาใหม่

จากการคลุกคลีกับเสื้อผ้าเด็กมามากมาย ขอแนะนำการเลือกขนาดเสื้อผ้าเด็กเพื่อเป็นแนวทางในการเลือกขนาดเสื้อผ้าน้องเวลาซื้อเสื้อผ้าออนไลน์กันนะคะ เสื้อผ้าเด็กที่ผลิตส่งออกซี่งส่วนใหญ่จะขายฝั่งยุโรปและอเมริกา ขนาดที่ทำมาจะเป็น age-size คือตามอายุน้อง เช่น 12-18month, 18-24 months, 2, 3, 4, 5, 6, ….. ไปเรื่อยๆ  บางยี่ห้อก็มี 3T, 4T คำว่า คือ Todler-วัยเตาะแตะ แต่ก็ยังเป็นขนาดตามอายุอยู่ การประมาณเสื้อผ้าประเภทนี้ ประมาณได้ตามตารางนี้ค่ะ ใช้การประมาณตามอายุได้เลยค่ะ เช่นน้อง 4 ขวบครึ่งก็น่าจะใส่ size 5 
ตารางเทียบขนาดเสื้อผ้าตามอายุ (Age size)
ส่วนเสื้อผ้าที่นำเข้า จะทำขนาดเสื้อผ้ามาในหลายแบบ คือ
  • Height-size ขนาดตามความสูง ส่วนใหญ่จะเป็น 80 90 100 110 120 130 140 150 160 ซึ่งจะหมายถึงความสูงเป็น ซม. ของน้อง เสื้อผ้าส่วนใหญ่จะทำมาระบบนี้ 
  • Age-size ขนาดตามอายุ เช่น 1y, 2y, 3y…….  
  • ขนาดที่เป็นเลขคี่ 1 3 5 7 9 11 13 15  
  • ขนาดที่เป็นเลขคู่ 2 4 6 8 10 12 14 16  
  • ขนาดเป็นตัวเลขเฉพาะ เช่น 10 12 14 16 ซึ่งจะต่างกับเลขคู่ข้างบน
การเลือกไซส์ให้ประมาณขนาดตามตารางด้านล่างค่ะ แต่ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงคือ เสื้อผ้าแต่ละยี่ห้อมีความแตกต่างกัน ขนาด 110 ของ ยี่ห้อ A อาจจะเล็กหรือใหญ่กว่ายี่ห้อ B ทางร้านจึงวัดขนาดสินค้าไว้ให้ ถ้าให้แน่ใจว่าน้องจะใส่ได้จริงๆ ควรจะวัดตัวน้องด้วยค่ะ

การเลือกขนาดเสื้อผ้าเด็ก
โดย แอน แม่น้องฟ้า/ทะเล

จากการคลุกคลีกับเสื้อผ้าเด็กมามากมาย ขอแนะนำการเลือกขนาดเสื้อผ้าเด็กเพื่อเป็นแนวทางในการเลือกขนาดเสื้อผ้าน้องเวลาซื้อเสื้อผ้าออนไลน์กันนะคะ เสื้อผ้าเด็กที่ผลิตส่งออกซี่งส่วนใหญ่จะขายฝั่งยุโรปและอเมริกา ขนาดที่ทำมาจะเป็น age-size คือตามอายุน้อง เช่น 12-18month, 18-24 months, 2, 3, 4, 5, 6, ….. ไปเรื่อยๆ  บางยี่ห้อก็มี 3T, 4T คำว่า คือ Todler-วัยเตาะแตะ แต่ก็ยังเป็นขนาดตามอายุอยู่ การประมาณเสื้อผ้าประเภทนี้ ประมาณได้ตามตารางนี้ค่ะ ใช้การประมาณตามอายุได้เลยค่ะ เช่นน้อง 4 ขวบครึ่งก็น่าจะใส่ size 5 
ตารางเทียบขนาดเสื้อผ้าตามอายุ (Age size)
agesize

ส่วนเสื้อผ้าที่นำเข้า จะทำขนาดเสื้อผ้ามาในหลายแบบ คือ
  • Height-size ขนาดตามความสูง ส่วนใหญ่จะเป็น 80 90 100 110 120 130 140 150 160 ซึ่งจะหมายถึงความสูงเป็น ซม. ของน้อง เสื้อผ้าส่วนใหญ่จะทำมาระบบนี้ 
  • Age-size ขนาดตามอายุ เช่น 1y, 2y, 3y…….  
  • ขนาดที่เป็นเลขคี่ 1 3 5 7 9 11 13 15  
  • ขนาดที่เป็นเลขคู่ 2 4 6 8 10 12 14 16  
  • ขนาดเป็นตัวเลขเฉพาะ เช่น 10 12 14 16 ซึ่งจะต่างกับเลขคู่ข้างบน
การเลือกไซส์ให้ประมาณขนาดตามตารางด้านล่างค่ะ แต่ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงคือ เสื้อผ้าแต่ละยี่ห้อมีความแตกต่างกัน ขนาด 110 ของ ยี่ห้อ A อาจจะเล็กหรือใหญ่กว่ายี่ห้อ B ทางร้านจึงวัดขนาดสินค้าไว้ให้ ถ้าให้แน่ใจว่าน้องจะใส่ได้จริงๆ ควรจะวัดตัวน้องด้วยค่ะ


ส่วนการเลือกรองเท้า แต่ละยี่ห้อจะมีระบบไซส์แตกต่างกัน ที่รายละเอียดสินค้าแต่ละคู่ทางร้านจะระบุไว้ว่า ขนาดแต่ละขนาดสำหรับความยาวเท้าน้องเท่าไหร่ การวัดเท้าน้องทำโดยวาดเท้าลงบนกระดาษ และวัดความยาวจากหัวแม่เท้าถึงปลายส้นเท้าเป็นเซนติเมตร ตารางที่ให้มาเป็นขนาดรองเท้าโดยทั่วไป ให้ดูที่ร้านวัดให้เป็นหลักนะคะ เพราะแต่ละแบบอาจมีแตกต่างกันได
ถ้าไม่แน่ใจเรื่องขนาดเสื้อผ้า อยากให้ทางร้านช่วยเลือกให้ บอก อายุ น้ำหนัก ส่วนสูง ถ้าได้รอบอก รอบเอวจะดีมากเลยค่ะ  ในกรณีที่ลูกค้าอยากจะซื้อขนาดเผื่อโต ถ้าเป็นเสื้อ อาจจะพอไหวค่ะ แต่ถ้าเป็นกางเกงระวังเรื่องความยาวขากางเกงด้วยนะคะ เพราะมักจะยาวไป อาจต้องไปพับไว้ก่อน แอนเองเมื่อก่อนชอบซื้อเผื่อให้ลูก เค้าก็จะใส่แบบหลวมๆ พอเริ่มที่จะใส่พอดีสวย ก็เก่า เลอะเทอะไปแล้วทุกที ^_^ เป็นอย่างนี้กันไหมคะ ปัจจุบันเลยเอาให้ใส่ได้พอดีนะวันนี้ค่ะ   

Tuesday, November 8, 2016

ประวัติส่วนตัว

นายธราเทพ  ประสิทธินาวา




ชื่อเล่น เติ้ล

ว/ด/ป 5 กันยา 2541

อาหารที่ชอบ กระเพรา

กีฬาที่ชอบ ตีแบต

คติประจำใจ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด